ขอบตาดำ ขอบตาคล้ำ เหมือนหมีแพนด้า แก้ได้ด้วยวิธีธรรมชาติ



          ใครที่มีปัญหาขอบตำดำ คล้ำเหมือนหมีแพนด้า ก็คงจะทุกข์ใจอยู่ไม่น้อย เพราะการที่มีขอบตาดำจะทำให้หน้าเราดูโทรม ไม่สดชื่น ดังนั้นเรามาดูวิธี แก้กันเลยดีกว่าครับ

วิธีนี้เป็นการรักษาโดยธรรมชาติ  แค่เราไปหาซื้อแตงกวา มันฝรั่ง หรือลูกแพร์ เอามาล้างให้สะอาด และฝานออกเป็นชิ้นบางๆ จากนั้นก็เอามาพอกหรือวางทิ้งไว้ที่ตา โดยใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที ในผลไม้พวกนี้จะมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินซี ซึ่งจะช่วยให้สีดำคล้ำที่ขอบตาเราลดลงได้ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดบริเวณขอบตาให้ดีมากขึ้น ซึ่งมีผลทำให้ความคล้ำที่ขอบตาของเราดูจางลงได้ ทำต่อเนื่องทุกเย็นรับรองว่าอาการขอบตาคล้ำของเราดีขึ้นอย่างแน่นอน

ส่วนเหตุผลที่ขอบตำคล้ำ ก็คือนอนดึก ทานอาหารไม่เพียงพอครับ เพราะฉะนั้นใครไม่อยากมีถุงกาแฟใต้ตาก็เลิกนอนดึกเถอะครับ อาจจะค่อยไปปรับตัวไปทีละนิด โดยการนอนให้เร็วกว่าเมื่อวานสัก 1 ชั่วโมงก็ได้ครับ

การกินน้ำมะเขือเทศ ช่วยป้องกันแสงแดดได้จริงหรือ ?





          ในปัจจุบันประเทศไทยของเรา มีอากาศที่เรียกได้ว่าร้อนมากๆ บ่อนทำลายผิวพรรณอันสวยๆของเรา ให้ต้องหมองคล้ำเสียไป แต่หลายๆคนก็มีครีมกันแดดป้องกันอยู่แล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าการกิน ก็ช่วยให้ผิวต้านทานแดดได้ดีขึ้น ไม่คล้ำเสียง่ายๆ อีกด้วย

การกินน้ำมะเขือเทศ จะช่วยให้ผิวต้านทานแดดได้ดีจริงหรือ ?

          ขอบอกว่า "จริง"  เพราะว่า  มะเขือเทศมีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่นสดใส ไม่แห้งกร้าน มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วรัยแห่งวัย มีการศึกษาพบว่าการรับประทานซอสมะเขือเทศวันละ 48 - 55 กรัม หรือประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ หรือรับประทานน้ำมะเขือเทศวันละ 250 ซีซี ต่อเนื่องกันอย่างน้อย 10 สัปดาห์ขึ้นไป จะช่วยเพิ่มปริมาณสารแคโรทีนอยด์ในผิวหนัง และอาการแดงของผิวหนังหลังจากโดนแสงแดดจะน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่รับประทานซอสมะเขือเทศถึง 33% นอกจากนี้ยังพบว่า กลุ่มที่รับประทานมะเขือเทศ แสงแดดจะทำลายโมเลกุลของ DNA ในผิวหนังน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับประทาน และมีการสร้าง procollagen มากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับประทาน

เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็หมั่นทานมะเขือเทศบ่อยๆเพื่อให้ผิวดูกระจ่างแล้ว ยังช่วยให้ออกแดดแล้วผิวไม่คล้ำเสียง่ายๆ

รักษาสิว รอยสิว รอยดำ ได้ง่ายๆ ด้วยวิธีธรรมชาติ โดยใช้น้ำมะนาว



          ใครที่มีปัญหาสิว จุดด่างดำ หรือรอยสิว และต้องการที่จะรักษาด้วยวิธีตามธรรมชาติแล้วล่ะก็ ลองรักษาด้วยน้ำมะนาวดู โดยมีวิธีการดังนี้

วิธีปฏิบัติ

1. ล้างหน้าให้สะอาด และเช็ดให้แห้ง
2. บีบน้ำมะนาว 1 ช้อนชาลงในถ้วย ใช้สำลีจุ่มน้ำมะนาวพอเปียก อาจผสมน้ำหากรู้สึกว่าแสบเกินไป 
3. ป้ายน้ำมะนาวลงบนสิว สิวหัวขาว สิวหัวดำ สิวหัวหนอง
4. ทิ้งไว้ทั้งคืนโดยไม่ต้องล้างออก ล้างออกตอนเช้า และทาอีกครั้งก่อนเมคอัพ (หากคุณต้องใช้เมคอัพ)
5. หากรู้สึกว่าน้ำมะนาวนั้นแรงเกินไป แม้ว่าจะผสมน้ำให้เจือจางแล้วก็ตาม ให้ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น

เพราะว่า ในลูกมะนาวจะมีกรดผล ไม้ AHA  (Alpha Hydroxy Acids)  ซึ่งทำงานโดยการลอกเอาเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก และช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้แก่ผิว และช่วยให้เซลล์ผิวใหม่ที่อยู่ด้านล่างผลัดขึ้นมาแทนที่เซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว ยังช่วยชำระรูขุมขนและช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่นสดใสด้วย

หากทำทุกวันประมาณ 2 อาทิตย์ก็จะเห็นว่าหน้าเราใส กระจ่างขึ้น รอยต่างๆก็จางไปด้วย

ทำอย่างไรไม่ให้หน้าแก่ก่อนวัย



          ใครๆก็อยากมีหน้าที่อ่อนกว่าวัย ไม่มีใครหรอกที่อยากจะหน้าแก่จริงมั๊๋ย ? เพราะฉะนั้นมาดูกันเลยดีกว่าว่าทำไงหน้าถึงจะดูอ่อนเยาว์ไม่แก่เกินไว

ข้อห้ามที่ห้ามทำเด็ดขาด ถ้าไม่อยากหน้าแก่คือ

1.ห้ามนอนดึก การนอนดึกส่งผลเสียต่อผิวเป็นอย่างมาก จะทำให้ผิวไม่แข็งแรงและแก่เร็ว

2.ห้ามทานสิ่งเหล่านี้ เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ ชา

3.ห้ามสูบบุหรี่

4.ห้ามเครียด ความเครียดนั้นส่งผลต่อการทำงานทุกอย่างของร่างกายอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ควรเครียด ยิ้มเข้าไว้

5.ไม่นอนตะแคง ถ้านอนตะแคง หน้าเราจะทับกับที่นอน อาจทำให้เกิดรอยต่างๆได้

และต่อไปคือข้อที่ควรทำนะจ๊ะ

1.ดื่มน้ำเยอะๆ ผิวจะดูไม่แก่กว่าวัย ถ้ามีน้ำคอยเลี้ยงอยู่เพียงพอ

2.ออกกำลังกาย ช่วยให้ผิวเด้ง ดูเฟิร์ม สวย เพราะการออกกำลังจะช่วยละลายไขมัน และสร้างความกระชับและยืดหยุ่นให้ผิว

3.หัวเราะบ่อยๆ การหัวเราะจะทำให้เราอารมณ์ดี และไม่เครียด ทำให้ดูสดชื่น สดใส


          หากเพื่อนๆ ละเว้นข้อความและปฏิบัติตาม นอกจากผิวหน้าของเพื่อนๆจะไม่เหี่ยวย่นก่อนวัยแล้ว อาจจะทำให้ดูเด็กกว่าวัยอีกด้วย

อุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟอันตรายหรือไม่ ?





















          ในคลื่นไมโครเวฟจะมีความถี่คลื่นสองพันล้านรอบต่อวินาที เมื่อคลื่นพุ่งไปกระทบกับอาหารจะถ่ายทอดพลังงานของมันให้โมเลกุลของน้ำทั้งในและนอกอาหารเกิดการสั่นสะเทือนเสียดสีเกิดเป็นความร้อน ทำให้อาหารที่เราใส่เข้าไปสุกอย่างรวดเร็ว เมื่อคลื่นไมโครเวฟมอบพลังงานให้โมเลกุลของน้ำหมดแล้ว จะไม่มีการตกค้างหรือปะปนในอาหาร ฉะนั้น อาหารที่ทำให้สุกจากคลื่นไมโครเวฟ จึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์

หลักการใช้ไมโครเวฟให้ปลอดภัยมีง่ายๆดังนี้

- ควรเลือกภาชนะใส่อาหารที่ทนความร้อนได้ดี เช่น ชามกระเบื้อง พลาสติก

-ไม่ใช้ภาชนะโลหะทุกชนิด หรือภาชนะที่เป็นกระเบื้องขอบเงินขอบทอง เพราะคลื่นจะไม่สามารถจะพุ่งผ่านไปได้  อาหารอาจจะไม่สุก

- ตั้งอุณหภูมิและเวลาให้เหมาะสม

- การอุ่นโดยใส่ภาชนะที่มีฝาปิด ควรแง้มฝาออกเล็กน้อย หรือไปหาซื้อภาชนะสำหรับอุ่นด้วยไมโครเวฟ จะมีรูปเล็กๆเจาะมาให้ที่ฝาอยู่แล้ว

หักยาหรือแบ่งยาก่อนกิน ส่งผลอะไรหรือไม่ ? มีคำตอบ



          เวลาเรารับประทานยาที่เป็นเม็ด หรือพวกวิตามินอาหารเสริมต่างๆที่นิสัยผลิตมาในรูปแบบของเม็ด บางตัวยานั้นมีขนาดใหญ่เกินไป เราเลยจำเป็นต้องหักแบ่งครึ่ง หรือหั่นเพื่อให้มันมีขนาดเล็กลง ง่ายต่อการกิน เพราะว่าหลายคนคงไม่ค่อยถูกกับยาสักเท่าไหร่ ยิ่งมีขนาดใหญ่ก็ยิ่งทำให้เราไม่อยากที่จะกินยิ่งขึ้น

แต่ว่าการหักแบ่งยาหรือหั่นยาก่อนกินนั้น มีผลเสียตามมาคือ

          เมื่อเราหักยาแบ่งครึ่ง ยาจะเกิดมุมแหลมอาจจะไปบาดหลอดอาหาร หรือกระเพาะอาหารของเราได้ และยาบางชนิดจะสัมผัสกับอากาศไม่ได้ จึงมีการใส่สารเครือบยาเอาไว้ เพื่อให้ยาไม่สัมผัสกับอากาศ การที่เราหักยานั้น จะทำให้เครือบที่ทำหน้าที่เครือบยาเสียหาย ทำให้ตัวยาสัมผัสถูกอากาศ เป็นผลให้ยาไม่ออกฤิทธิ์ หรือ ออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

          ดังนั้น ควรที่จะกินยาให้หมดไปเลยทีเดียว เพราะการแบ่งยากินเพื่อรักษาโรคนั้น เราจะได้รับยาในปริมาณที่น้อยกว่ากำหนด ยาก็ไม่สามารถที่จะฆ่าเชื้อโรคได้ เป็นเหตุให้เชื้อโรคเกิดดื้อยา

กระดาษทิชชู่สีชมพู สวยแต่รูป จูบไม่หอม



          กระดาษชำระ หรือทิชชู่  ที่ดูสะอาดตา เพราะความเป็นสีขาวของตัวมัน ทำให้เราหลงเชื่อว่าสะอาดและไม่มีเชื้อโรค กระดาษทิชชู่ส่วนมากที่ราคาถูกผลิตจากโรงงานที่ผ่านการฆ่าเชื้อไม่ดีพอ อาจจะเป็นแหล่งหมักหมมของเชื้อโรคได้ ดังนั้นเราไม่ควรที่จะนำกระดาษทิชชู่มาเช็ดภาชนะที่เราใช้รับประทานอาหาร เพราะเชื้อโรคอาจจะเข้าไปในร่างกาย ทำให้เราเกิดป่วยขึ้นมาได้

โดยเฉพาะกระดาษทิชชู่ที่มีสีสันสวยงามเป็นสีชมพูที่เราเห็นกันตามร้านอาหาร ดูน่ารัก น่าใช้นั้น รู้หรือไม่ว่ามันทำมาจากอะไร ?

          กระดาษทิชชู่สีชมพูนี้ป็นกระดาษทิชชู่ที่มีเกรดต่ำ ราคาถูก ทำมาจาก กระดาษA4 ที่ใช้แล้ว มีรอยหมึกผสมอยู่ มาทำลายรวมๆกัน จากนั้นก็นำไปต้มให้หมึกออก เมื่อผ่านกระบวนการนี้แล้วทิชชู่จะยังไม่เป็นสีชมพู จะเป็นทิชชู่ทั่วไปแต่เป็นทิชชู่เกรดต่ำมาก เพราะเป็นกระดาษมือสอง เอาไปขายก็ได้ไม่ได้ราคา จึงนำไปย้อมให้เป็นสีชมพูก่อนเพื่อไปส่งตามร้านอาหาร ให้ดูน่าใช้ และในสีที่ใช้ย้อมกระดาษทิชชู่นี้ก็มีสารตะกั่วผสมอยู่ เป็นอันตรายต่อร่างกายอีกด้วย

เพราะฉะนั้นพฤติกรรมที่เอาทิชชู่เช็ดช้อน เช็ดจาน ตามร้านอาหารนั้นไม่ควรทำ เพราะอาจจะได้รับเชื้อโรคและสารตะกั่วจากทิชชู่ได้

ใช้ไดร์เป่าผมไม่ถูกวิธี อาการผมแห้ง ผมเสีย ผมร่วง จะถามหา




          เวลาเราอาบน้ำเสร็จ และเราก็เช็ดตัวให้แห้ง สิ่งที่แห้งช้าที่สุดก็คงจะเป็น " เส้นผม " ยิ่งถ้าผมยาวมากเท่าไหร่ เวลาในการที่จะทำให้แห้งก็ยิ่งนานขึ้นไปอีก ซึ่งหลายๆคนก็ใช้ตัวช่วย คือ ไดร์เป่าผม ไดร์เป่าผมสามารถทำให้ผมของเราแห้งในเวลาอันรวดเร็ว แต่ก็ก่อผลเสียให้กับเส้นผมของเราเช่นกัน

          การใช้ไดร์เป่าผมเร่งเป่าให้ผมแห้งคือวิธีการทำให้ผมแห้งโดยผิดธรรมชาติ จะทำให้ผมเสีย เพราะว่าความร้อนในไดร์เป่าผมจะทำให้น้ำในเส้นผมแห้งจนเกินไป เพราะในเส้นผมควรที่จะมีน้ำหลงเหลืออยู่บ้าง เพื่อให้เส้นผมนั้นชุ่มชื้นและไม่ให้เส้นผมเกิดความแห้ง หยาบ จนเกินไปเป็นสาเหตุทำให้ผมขาดหรือหลุดร่วงได้ง่าย

          ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการปล่อยให้ผมแห้งไปตามธรรมชาติ ใช้ผ้าขนหรูเช็ดจะไม่เป็นอันตราย แต่หากมีความจำเป็นต้องให้ผมแห้งเร็ว เลยต้องใช้ไดร์เป่าผม อาจจะผมโดยกดแค่ปุ่มให้มีลมออกมา โดยไม่ต้องกดปุ่มที่พ่นความร้อน และไม่ควรเป่าจะผมแห้งสนิท ให้ยังพอรู้สึกเปียกๆอยู่บ้าง เพื่อให้มีน้ำล่อเลี้ยงผม ผมจะได้ไม่เสียนั่นเอง

ข้าวสวย VS ข้าวกล้อง ใครจะอยู่ใครจะไป



          ข้าวกล้องต่างกับข้าวสวยตรงที่ข้าวสวยนั้นผ่านการขัดสี โดยการขัดสีจะทำลายเนื้อเยื่อของเมล็ดข้าวที่อยู่ภายใต้เปลือกข้าว ซึ่งเต็มไปด้วยโปรตีนและแร่ธาตุต่างๆที่มีประโยชน์เจือปนอยู่

          ดังนั้นข้าวกล้องจึงถือได้ว่ามีสารอาหารมากกว่าข้าวสวย โดยสารอาหารที่ไม่มีในข้าวสวย แต่มีในข้าวกล้อง ได้แก่

- วิตามีนอี ช่วยให้ผิวพรรณสดใส ช่วยในระบบเซลล์ประสาท และกล้ามเนื้อให้ทำงานได้ตามปกติ เป็นตัวช่วยไขกระดูกในการสร้างเลือด ช่วยขยายเส้นเลือด ต้านการแข็งตัวของเลือด ลดความสามารถในการจับตัวเป็นลิ่มเลือด และลดอัตราเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดสมอง

- วิตามินบี 1  หรือ ไธอะมีน  เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตให้กลายเป็นกลูโคสเพื่อสร้างพลังงาน ช่วยเรื่องระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และสามารถช่วยลดความเครียดได้ และยังเป็นตัวช่วยในการนำออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย

- เหล็ก  ช่วยป้องกันและรักษาภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ช่วยป้องกันอาการอ่อนเพลียของร่างกาย

- ทองแดง เป็นตัวสำคัญในการสร้างกระดูกให้เป็นไปตามปรกติ และรักษาให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ช่วยในการสร้างฮีโมโกลบิน และเม็ดโลหิตแดง

- ฟอสฟอรัส ช่วยทำให้เหงือกและฟันของเราแข็งแรง บรรเทาอาการปวดจากข้ออักเสบ มีส่วนช่วยในกระบวนการเผาผลาญแป้งและไขมัน ทำให้ร่างกายของเรามีพลังงาน

นอกจากนี้ข้าวกล้องยังเต็มไปด้วยกากใยอาหาร ช่วยให้กระเพาะอาหารย่อยง่ายอีกด้วย

5 ข้อ ออกกำลังกายควบคู่กับการกิน ฟินเว่อร์



1.ไม่เบียดเบียนตัวเองโดยการอดอาหาร การออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักหรือลดความอ้วน หากเราออกกำลังกายอย่างเดียวไม่กินอะไรเลย เพราะคิดว่าน้ำหนักจะลดได้เร็วๆ เป็นวิธีคิดที่ผิด มันจะทำให้ร่างกายคุณโทรมและอ่อนแอ

2.กินเท่ากับจำนวนแคลอรี่ที่คุณต้องการจริงๆ  แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเราควรกินวันละกี่แคลอรี่ ? ในวันๆหนึ่งสำหรับผู้หญิง ควรอยู่ที่ 1600 แคลอรี่ และสำหรับผู้ชายควรอยู่ที่ 2000 แคลอรี่ แต่ถ้าอยู่ในช่วงลดน้ำหนักสามารถทานน้อยกว่าที่กำหนดได้แต่ไม่ควรต่ำกว่า 1000 แคลอรี่สำหรับผู้หญิงและ 1400 แคลอรี่สำหรับผู้ชาย

3.กินเพื่อสร้างพลังงานให้แก่การออกกำลังกายของคุณ คงจะเป็นเรื่องไม่ดีแน่ๆถ้าหากคุณไม่มีแรงในการออกกำลังกายอาจจะทำให้บาดเจ็บหรือเป็นลมได้ อาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลจะช่วยให้พลังงานในการออกกำลังกายได้ดี

4.กินเพื่อให้ร่างกายฟื้นตัว การออกกำลังกายจะส่งผลให้กล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ ทำงานหนัก กล้ามเนื้ออาจจะฉีก (อย่าตกใจไป คำว่ากล้ามเนื้อฉีกอาจจะดูน่ากลัวไป แต่ในที่นี้หมายถึง กล้ามเนื้อเกิดอาการฉีกเล็กน้อย เพื่อขยายตัวและสร้างให้แข็งแรงกว่าเดิม คนที่เล่นกล้ามมักจะเล่นให้รู้สึกปวดถึงจะถือว่าดี) เพราะฉะนั้นเราควรทานอาหารเพื่อที่ร่างกาย จะได้นำสารอาหารเหล่านี้ไปซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่ต้องการการซ่อมแซม อาหารจำพวกโปรตีนจะช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อส่วนต่างๆได้เป็นอย่างดี

5.กินผัก ผลไม้ซะบ้างก็ดี หากกินแต่เนื้อสัตว์มากไปก็ใช่ว่าจะดี เพราะโมเลกุลบางอย่างต้องอาศัยวิตามินในผัก ผลไม้ให้ช่วยในการย่อย หากไม่กินผัก ผลไม้ จะทำให้ระบบขับถ่ายไม่ดี อาจท้องเสีย หรือถ่ายแข็งได้

เล่นกล้าม เล่นเวท อย่าเครียดจนเกินไป สนุกๆดีกว่า



          ถ้าหากเราเล่นเวทโดยการตั้งเป้าหมายว่าอยากหุ่นดีอย่างนู้นอย่างนี้ แต่เราไม่มีความอยากเล่นเวทเลย แค่ฝืนเล่นไปเผื่อสักวันนึงเราจะหุ่นดีขึ้นมา ผมบอกไว้เลยนะครับ คนส่วนมากที่มีความคิดแบบนี้ 99% แทบจะไม่ประสบความสำเร็จในการเล่นเวทเลย
เพราะอะไรครับ ? นั่นก็เพราะว่า คุณไปเล่นกล้ามแต่คุณไม่ได้รู้สึกสนุกกับมัน เหมือนกับคนให้คุณไปทำอะไรที่คุณไม่ชอบ วันนึงคุณก็แพ้ใจจตัวเอง เลิกไปเองแหละครับ

          ต่างกับคนที่มีความคิดอีกแบบครับ คนอีกแบบนี้เขามีความคิดแค่ว่า มาเล่นเวทเพราะมันสนุกว่ะ กล้ามอะไรเดี๋ยวมันก็มาเองแหละ เราก็แค่เล่นๆไป เพราะมันสนุก เราชอบ ถ้าคิดแบบนี้โอกาสประสบความสำเร็จจะสูงมากครับ เพราะว่าคนพวกนี้ไม่ได้กดดันตัวเองเลยสักนิดเดียว เขาแค่มาทำในสิ่งที่เขาเห็นว่าเขาชอบ เขาสนุกที่จะทำมัน แค่นั้นเอง


คุณคิดว่าคนที่มีความคิดแบบ 2 คนนี้ แบบไหนจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่ากัน ? แน่นอนล่ะครับ ต้องเป็นแบบหลังอยู่แล้ว


ตอนนี้ถ้าหากใครยังมีความคิดอยู่ในแบบแรกอยู่ ก่อนที่คุณจะเปลี่ยนแปลงร่างกายตัวเอง ให้คุณเปลี่ยนแปลงความคิดก่อนครับ ให้รู้สึกว่าคุณมาออกกำลังกาย เพราคุณมีความสนุก จำไว้นะครับ  

" มืออาชีพ คือมือสมัครเล่นที่ไม่ยอมเลิกเล่น "

          และผมก็มีวิธีที่จะทำให้คุณสนุกไปกับการเล่นเวท  เล่นกล้าม มาฝากกันด้วยครับ


1) เล่นแต่ท่าเดิมเป็นเวลานานจะทำให้เบื่อ อาจจะหาท่าใหม่ๆตาม youtube มาใช้ก็ได้ครับ


2) ทานอาหารให้เพียงพอ บางคนอยากจะลดน้ำหนัก เลยมาเล่นเวท แล้วไม่กินอะไรเลย จะเอาแรงที่ไหนไปเล่นครับๆ ยกๆอยู่มีโอกาสหงายหลังเงิบได้เลยนะครับ ถ้าไม่ได้ทานอะไรเลย


3) อย่าฝืนร่างกายเกินไป เล่นแล้วควรพักให้พอก่อนจะเล่นเซ็ตต่อไป


4) นอนหลับให้เพียงพอ เล่นเวทหรือออกกำลังกายควรนอน 7-8 ชั่วโมงครับ

การนอนกรนเกิดจากอะไร มีวิธีแก้อย่างไร




             เมื่อเรานอนหลับ กล้ามเนื้อที่ลิ้นและโคนลิ้น ก็จะคลายตัวไปด้วย จึงทำให้ลิ้นลงไปปิดกั้นทางเดินหายใจ แต่ไม่ได้ปิดสนิท ทำให้อากาศที่เราหายใจผ่านจมูก ผ่านลงไปยังโพรงจมูกด้านหลัง ผ่านไปได้ไม่สะดวกนัก  เป็นที่มาของเสียงกรนนั่นเอง

          การนอนกรนเป็นสิ่งที่พบบ่อยในผู้ชาย หลายๆคนคงคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา คงไม่เป็นอันตรายอะไรใช่มั๊ยล่ะ แต่ใครจะรู้ว่าที่จริงแล้วการนอนกรน เป็นอันตรายเพราะว่าจะมีผลต่อหัวใจ เวลาคนนอนกรนจะหยุดหายใจไปชั่วขณะ จะทำให้นอนไม่เพียงพอ กลางวันก็จะง่วงมากเสี่ยงต่อการหลับใน

วิธีแก้อาการนอนกรน

   - หนุนหมอนที่สูงขึ้น หรือ ยกหัวเตียงให้สูง

   - ลองนอนตะแคงดู

   - งดเว้นการดื่มเหล้า เบียร์ หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์

   - ทำการออกกำลังกายลดน้ำหนัก

          หากวิธีที่บอกไปไม่ได้ผลแล้ว ควรที่จะไปพบแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ แพทย์อาจจะให้ท่านเข้าทดสอบ Sleep lab คือการนอนค้างคืน ในห้องที่แพทย์จัดเตรียมไว้ให้ แล้วมีการวัดคลื่นสมอง วัดคลื่นหัวใจ วัดความเข้มของออกซิเจนในเลือดในขณะที่เราหลับ เพื่อที่จะได้รักษาได้ถูกจุด และเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาการนอนกรน

ออกกำลังกายแล้วเวียนหัว เพลีย หน้ามืด บ่งบอกถึงภาวะร่างกายขาดน้ำ



          การออกกำลังกายนั้นเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ แต่เคยไหมที่พอออกกำลังกายหนักๆ เหงื่อออกมากๆ แล้วเกิดอาการ เพลีย เวียนหัว หน้ามืด ปากแห้ง นั้นแสดงว่าร่างกายของคุณกำลังเข้าสู่สภาวะ ขาดน้ำ จะส่งผลเสียต่อร่างกายได้

          ฉะนั้นเวลาเราไปเล่นกีฬาควรจะพกน้ำไปสักขวดนึง ดื่มสักประมาณ2แก้ว ก่อนเล่นกีฬา 10นาที และช่วงเวลาพักอาจจะมาจิบน้ำ และหลังจากเล่นเสร็จก็ดื่มอีก ประมาณ2-3 แก้ว

เพียงเท่านี้ท่านก็สามารถออกกำลังกายได้โดยไม่เพลีย หรือเวียนศีรษะอีกต่อไป

อาหารเช้าสำคัญหรือไม่ ?




             หลายคนอาจจะมองข้ามอาหารมื้อเช้าไป เพราะคนสมัยนี้ ใช้นิสัยนอนดึกตื่นสายกันเป็นกิจวัตร หรือบางคนรีบมาจึงไม่ค่อยได้ทานอาหารเช้า แต่คุณทราบหรือไม่ว่า อาหารมื้อเช้า เป็นอาหารมื้อที่ร่างกายต้องการที่สุดในแต่ละวัน 

          เวลาเจ็ดโมง ถึงแปดโมงครึ่ง เป็นเวลาที่ร่างกายเราควรได้รับสารอาหาร เพราะเป็นช่วงที่กระเพาะอาหารของเราทำงาน และสมองยังมีความต้องการสารอาหารมาใช้ คือต้องการเลือด และออกซิเจนไปเลี้ยง ซึ่งหากเราไม่ได้รับประทานอาหารเข้าไป สมองก็จะไปดึงเอาสารอาหารมาจากส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น เม็ดเลือดและกระดูก เพื่อที่จะนำอาหารไปเลี้ยงสมองแทน เมื่อเราไม่ได้ทานอาหารเช้าเป็นเวลานานๆ จึงก่อให้เกิดโรคโลหิตจาง และโรคกระดูกได้

         และหากขาดอาหารเช้าไปนานๆ จะมีผลกระทบต่อสมองทำให้เป็นอัลไซเมอร์ตามมา เพราะฉะนั้นอาหารเช้าเป็นอาหารที่คนทุกวัยไม่ควรที่จะขาด และไม่ควรละเลยจ้า

ปวดเข่าแต่อยากเล่นกีฬา กีฬาที่เหมาะสำหรับคนที่ปวดเข่า

         


          การออกกำลังกายถือเป็นสิ่งที่ควรทำทุกวัน แต่ถ้าหากเรามีปัญหาปวดเข่า เราก็ไม่สามารถที่จะไปออกกำลังกายแบบหนักๆได้เหมือนคนอื่น
จะทำให้เข่ายิ่งแย่ จากที่สุขภาพดีกลับต้องไปรักษาเข่าอีก เพราะฉะนั้นมาดูกันว่า มีกีฬาอะไรบางที่เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องเข่า

- ว่ายน้ำ ตอนเราว่ายน้ำ เราจะลอยตัวอยู่บนน้ำทำให้เข่าไม่ต้องรับน้ำหนักอะไรมาก

- เล่นโยคะ ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี และทำให้สุขภาพผิวพรรณดี ไม่เป็นภาระต่อเข่ามากเกินไป

- ปิงปอง เล่นได้แต่อย่าหักโหมมาก ไม่ต้องถึงขนามกระโดดตบแบบที่นักกีฬาทำกัน ให้ยืนตีเฉยๆก็พอ จะได้ไม่ปวดเข่า

          อาการปวดเข่าเกิดขึ้นได้กับกีฬาที่อาศัยการกระโดดหรือการวิ่งเยอะๆ เพราะฉะนั้นการเลือกรองเท้าเฉพาะทางของกีฬานั้นๆ จะช่วย save เข่า ได้ดี ทำให้เข่าเราไม่บาดเจ็บง่ายๆ

วิธีบรรเทาอาการปวดฟันเบื้องต้นทำอย่างไร มีคำตอบ




















          การที่มีอาการปวดฟันเกิดขึ้น เป็นอะไรที่ทรมานมาก ทำให้เราหงุดหงิด ไม่อยากจะทำอะไร แล้วบางทีโรงพยาบาลหรือคลินิกยังอยู่ห่างไกลจากบ้านอีก กว่าจะไปถึงคงจะทรมานน่าดู ดังนั้นเรามาดูวิธีช่วยบรรเทาอาการปวดฟันเบื้องต้นกันเลยดีกว่า

- ยาแก้ปวด เป็นสิ่งที่นิยมกันมากเมื่อเรามีปวดฟัน จะช่วยบรรเทาอาการปวดฟันได้

- เกลือ นำเกลือป่นไปผสมกับน้ำแล้วอมไว้ หรือเน้นทาไว้ตรงเหงือกบริเวณซี่ฟันที่ปวด

- ไม่ควรใช้สิ่งที่กระตุ้นอาการปวดฟันให้ปวดแรงขึ้น เช่น น้ำแข็ง ไอศกรีม ชาร้อน  น้ำร้อน  อาหารร้อน กาแฟร้อน อาหารที่มีรสหวานจัด 
รสเปรี้ยว

- ประคบน้ำแข็งที่แก้มข้างที่ปวดฟัน 

- การบ้วนปาก เพราะเราอาจจะปวดฟันเพราะมีเศษอาหารที่ติดอยู่ที่รูฟันผุ ถ้าเราบ้วนปากให้เศษอาหารออกมา อาจทำให้เราหายปวดฟันได้

หากวิธีตามข้างบนไม่ได้ผล วิธีสุดท้ายคือ

- ไปพบแพทย์ ให้แพทย์ตรวจหาสาเหตุการที่เราปวดฟัน และแก้ให้ตรงสาเหตุ จะทำให้เราหายปวดฟันได้เร็ว

นอกจากนี้เราควรที่จะไปหาหมอฟัน ปีละ 2 ครั้ง หรือ เมื่อมีอาการปวดฟัน / ฟันผุ

5 ข้อ สร้างนิสัยในการออกกำลังกาย




เราสามารถสร้างการออกกำลังกายให้ติดเป็นนิสัยได้ง่ายๆ โดยเริ่มเป็นข้อๆ ดังนี้

1. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน ว่าเราจะออกกำลังกายทำไม เพื่อลดความอ้วน หรือฟิตหุ่นให้มีกล้าม ดีกว่าออกกำลังกายไปวันๆไม่ได้ตั้งเป้าหมาย จะทำให้เราเบื่อ

2. หากลุ่มเพื่อนที่ออกกำลังกายด้วยกัน เพราะจะทำให้การออกกำลังกายไม่น่าเบื่อ อาจจะชวนเพื่อนไป เตะฟุตบอล หรือว่ายน้ำ หรืออาจจะไปกับคู่รักหรือแฟนก็ได้

3. ไม่หักโหม ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป ไม่ต้องออกกำลังกายหนักมาก แต่ออกให้บ่อยทุกๆวัน จะดีกว่า

4. หาแรงบันดาลใจ อาจจะหาดาราที่หุ่นดีๆมาสักคน เป็นไอดอล ว่าเราอยากจะมีรูปร่างเหมือนเค้า จะมีผลทางใจกับเรา ทำให้เราไม่เลิกออกกำลังกายง่ายๆ

5. อย่ารีบร้อน จะเอาให้ได้ภายในเร็ววัน การที่เราออกกำลังกาย ไม่ใช่ออกวันนี้แล้วพรุ้งนี้จะเห็นผลเลย ไม่แน่นอน เราต้องออกกำลังกายติดต่อกันหลายเดือนกว่าจะแสดงผล

สุดยอดผลไม้ ที่ช่วยให้ผิวพรรณขาวใส

       



         ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย ต่างก็อยากจะมีผิวสวยกันใช่มั๊ยล่ะ วันนี้เรามารู้จักกับผลไม้ที่ช่วยทำให้ผิวเราขาวใส ผุดผ่อง โดยไม่ต้องไปฉีดสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่างกาย รับรองว่าปลอดภัยแน่นอน

    
     - มะละกอ จะช่วยให้ระบบขับถ่ายของเราดีขึ้น ร่างกายขับเอาออกเสียออกมาได้มาก จึงทำให้ผิวดูดีขึ้นนั้นเองจ้า

     - แอปเปิ้ล ในแอปเปิ้ลจะมีวิตตามินซีอยู่ด้วย หาทานไม่ยาก และทานแล้วไม่อ้วนอีกด้วยนะ
   
     - มะนาว ถือว่าเป็นผลไม้ที่มีวิตตามินซีสูงมากๆ และมีรสเปรี้ยวมาก เพราะฉะนั้นควรจะหาทานในรูปของน้ำปั่นดีกว่า จะได้ไม่เปรี้ยวจนเกินไป

     - ส้ม มีวิตตามินซีสูง ช่วยให้ผิวสร้างคอลลาเจนได้ดี ทำให้ขาวขึ้น หาทานได้ง่าย และอร่อยด้วย

     - ฝรั่ง นอกจากทำให้ผิวสวยแล้ว ยังช่วยสร้างภูมิต้านทานในร่างกายของเรา ทำให้เราไม่ป่วยง่ายๆอีกด้วย

     - แตงโม ช่วยในการขับของเสียของร่างกายออกมาในรูปปัสสาวะ ทำให้ผิวพรรณดีขึ้น ขาวขึ้น

     - มะเขือเทศ ถือว่าเป็นผลไม้แห่งความงามเลยก็ได้ ไม่ว่าจะกินหรือ นำมาแปะหน้า ทิ้งไว้ 15-20 นาที ก็จะทำให้ผิวชุ่มชื้นได้

          หากเพื่อนๆทานผลไม้ทุกๆวันนอกจากจะทำให้ผิวพรรณของเพื่อนๆดีแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรงไม่ป่วยง่ายๆ อีกด้วย

ทำไมดื่มนมแล้วท้องเสีย ?





          นมถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ สามารถรับประทานกับได้ทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่เด็ก ไปจนถึงคนแก่  ควรได้รับสารอาหารจากนมเช่น แคลเซียม จะทำให้กระดูกแข็งแรง และมีสุขภาพที่ดี

เอ๊ะ .. พูดๆไปนมมันมีประโยชน์นี่นา แต่ทำไมบางทีดื่มแล้วท้องเสีย ?

เพราะว่าท้องของบางคนไม่มีตัวย่อย lactose หรือมีน้อย ซึ่งเป็นส่วนผสมที่อยู่ในนม พอเราดื่มนมเข้าไปปริมาณมากๆ จากที่ไม่เคยดื่มมาก่อน ก็ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหาร lactose เข้าไป เมื่อร่างกายไม่ได้สร้าง เอนไซม์ตัวย่อย lactose นี้ ร่างกายจึงไม่สามารถย่อยนมให้เป็นโมเลกุลเล็กๆได้ คิดว่านมที่เราดื่มเข้าไปเป็นสิ่งแปลกปลอม จึงทำให้เกิดอาการท้องเสีย

          แต่ไม่ต้องห่วงครับ เพราะว่าเราสามารถสร้างเอนไซม์ตัวนี้ขึ้นได้ โดยการค่อยๆดื่มนมทุกวัน วันละนิด และไม่ควรดื่มตอนท้องว่างเมื่อเราดื่มวันละนิดไปเรื่อยๆ ร่างกายเราก็จะสร้างเอนไซม์ที่ช่วยย่อย lactose ที่อยู่ในนม หลังจากนั้นเราก็สามารถดื่มนมได้ตามปกติ ไม่มีอาการดื่มนมแล้วท้องเสียอีก

การดื่มน้ำ ควรดื่มน้ำตอนไหน ? ดื่มอย่างไรให้ถูกวิธี ?



          การดื่มน้ำจะช่วยทำให้ผิวพรรณของเราชุ่มชื้น ร่างกายสดชื่น ตามหลักการของการดื่มน้ำแล้วที่ผู้ใหญ่ หรือคุณครูท่านสอนมาตั้งแต่เราเป็นเด็ก ว่าให้ดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้วนะลูก แต่จริงๆแล้วคนทุกคนย่อมมีการใช้งานร่างกาย ในวันๆหนึ่งไม่เหมือนกัน การสูญเสียน้ำในร่างกายจังต่างกัน ดังนั้นความต้องการที่จะได้รับปริมาณน้ำก็ต่างกันไปด้วย  ซึ่งผู้หญิงและผู้ชายจะต้องการน้ำในปริมาณที่ไม่เท่ากัน

ผู้หญิง ควรดื่มน้ำวันละ 7-9 แก้ว ถึงจะถือว่าดี

ผู้ชาย ควรดื่มน้ำวันละ 10-13 แก้ว ถึงจะถือว่าดี ( เยอะจัง )

นอกจากนี้ถ้าหากวันนั้นมีกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก ร่างกายสูญเสียน้ำมาก เช่น เรามีการออกกำลังกาย เล่นกีฬา ถ้าเป็นเช่นนี้ ให้ดื่มเพิ่มจากปริมาณข้างบนอีก 1-3 แก้ว

แล้วเราควรดื่มน้ำตอนไหน เวลาไหน ถึงจะถือว่าดีล่ะ ?

          เวลาในการดื่มน้ำก็มีส่วนส่งผลดีผลเสียต่อร่างกาย ถ้าหากมาดื่มน้ำเอารวดเดียว 10 แก้ว คงจะพุงแตกกันพอดี จึงได้แบ่งเวลาการดื่มน้ำมาให้เป็นช่วงๆได้ดังนี้

-ตอนเช้าตอนตื่นนอน ช่วงนี้ถือว่าสำคัญที่สุด เพราะว่าร่างกายต้องการใช้น้ำมาก เลือดของเราจะขาดน้ำ ควรดื่มให้ได้ 3-4 แก้ว

- ช่วง 10 โมง ถึงบ่ายโมง ดื่ม1-2แก้ว

- ช่วง บ่ายสาม ถึงห้าโมง ดื่ม 2-3 แก้ว

- ช่วงเย็น หกโมงถึง สองทุ่ม ดื่ม 2 -3แก้ว

- ก่อนนอนดื่มอีก 1 แก้ว ถ้าเป็นน้ำอุ่นด้วยจะดีมาก เพราะจะทำให้หลับได้สบายขึ้น

(ถ้าหากมีการออกกำลังกาย ให้ดื่มน้ำหลังจากออกกำลังกายเสร็จแล้ว 1-3 แก้ว)

ริมฝีปากดำ ทำให้กลับมาเป็นสีชมพูได้ ง่ายนิดเดียว

   


      ทำอย่างไรดีถ้าริมฝีปากดำ ดูคล้ำไม่อมชมพูเหมือนคนอื่นๆเขา การมีริมฝีปากดำจะทำให้หน้าเราดูโทรม หมอง ดูไม่สดชื่น สาเหตุที่ทำให้ริมฝีปากดำอาจจะเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งจะแนะนำสาเหตุและวิธีแก้ต่างๆ ดังนี้

1. แพ้ยาสีฟัน ในยาสีฟันบางชนิดจะมีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ซึ่งถ้าหากปากเราแพ้ ก็จะทำให้เกิดอาการปากดำคล้ำได้ ให้สังเกตุว่าเวลาเราแปรงฟันเรารู้สึกแสบๆบริเวณปากหรือไม่ และให้สังเกตุรอยหลังแปรงหากมีรอยแดงๆ รอบปาก หมายความว่าเราอาจจะแพ้ยาสีฟันชนิดนั้น การเลือกยาสีฟันที่ดี ควรบีบยาสีฟันออกมานิดนึงแล้วบี้ดู ถ้าบี้แล้วละเอียดแสดงว่าเป็นยาสีฟันที่ดี ไม่ควรใช้ยาสีฟันที่เย็นและซ่าจนเกิดไปเพราะอาจจะทำให้แพ้ได้

2. ติดนิสัยชอบเลียปากบ่อยๆ เมื่อเราเลียปากในลิ้นจะมีน้ำลายซึ่งมีเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยอาหาร เมื่อปากเราสัมผัสกับเอนไซม์ตัวนี้จะทำให้ปากระคายเคืองและดำได้

3. โดนแสงแดด ปากคนเราก็เป็นผิวหนังเหมือนกับส่วนอื่นๆ เมื่อโดนแดดก็ต้องดำเป็นธรรมดา วิธีแก้คือ ให้หาลิปมันที่มีส่วนผสมของครีมกันแดดมาใช้ซะ นอกจากจะป้องกันแสงแดดแล้ว ยังช่วยให้ปากชุ่มชื้น ไม่แห้ง อีกด้วย

4. การสูบบุหรี่ ลองสังเกตุคนที่สูบบุหรี่มานานๆ ริมฝีปากจะคล้ำ และยังทำให้เป็นโรคอื่นๆอีกด้วย ถ้าอยากให้ริมฝีปากอมชมพูก็ไม่ควรสูบ

5. ดื่มน้ำเยอะ ๆ วันนึงควรดื่มให้ได้ 8-10 แก้ว จะทำให้ผิวเราชุ่มชื้น และปากก็จะชุ่มชื้นตามไปด้วย

6. การใช้น้ำยาบ้วนปากที่เผ็ดร้อนจนเกินไป ควรเปลี่ยนมาใช้แบบที่ไม่เผ็ดมาก

หากทำได้ตามนี้รับรองว่าริมฝีปากของท่านจะไม่ดำ ไม่คล้ำ และดูอมชมพูขึ้นมาในเวลาไม่นาน

นอนดึกใครว่าไม่เป็นไร ? อาจจะอันตรายกว่าที่คุณคิด



          เชื่อว่าทุกคนที่อ่านบทความอยู่นี้ต้องเคยนอนดึกกันมาบ้าง บางคนอาจจะนอนดึกเพราะมีความจำเป็นต้องนอนดึก หรือบางคนอาจจะนอนดึกเพราะความเคยชินเป็นนิสัย ทุกท่านอาจจะรู้จักผลเสียของการนอนดึกแบบผิวเผินอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็น ง่วงนอน(ข้อนี้มันแน่อยู่แล้ว) สิวขึ้น หน้าโทรม เพลีย 9ล9  วันนี้เรามาดูผลเสียของการนอนดึกกันว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งจะแบ่งเป็นข้อๆได้ดังนี้

- ทำให้อ่อนเพลียไม่มีแรง จึงทำให้เป็นอุปสรรคในการดำเนินชีวิต ยิ่งถ้าท่านอยู่ในวัยเรียนแล้วล่ะก็มันอาจจะเป็นสาเหตุหลักๆเลย ที่ทำให้การเรียนของท่านตกต่ำลง

- ผิวพรรณไม่สวยงาม เพราะผิวพรรณของคนเราจะได้รับการฟื้นฟูเมื่อตอนเรานอนหลับ ถ้าเรานอนดึกผิวพรรณของเราก็จะไม่ได้รับการฟื้นฟูเท่าที่จำเป็น ทำให้เป็นสาเหตุของการนอนดึกแล้วตื่นเช้ามาผิวโทรม สิวขึ้น ขอบตาดำเป็นหมีแพนด้า นั่นเอง

- ทำให้อ้วนขึ้น เพราะว่าเมื่อเรานอนดึกร่างกายของเราจะหลั่งสารที่มีชื่อว่าคอร์ติโซลออกมา ทำให้ร่างกายเกิดอาการหิว ระบบย่อยอาหารก็จะทำงานมากขึ้น จึงทำให้เรานั้นกินเยอะขึ้น หากกินในเวลาดึกบ่อยๆก็จะทำให้อ้วนขึ้นเรื่อยๆ

- สมองทึบ ทำไรอะไรเฉื่อยช้า หลงๆลืมๆ เมื่อร่างกายพักผ่อนน้อย เวลาในการนำเอาสารอาหารไปเลี้ยงสมองก็น้อยตามไปด้วยและจากการสำรวจพบว่าคนที่นอนดึกติดกันเป็นเวลานานๆ มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคอัลไซเมอร์ง่ายกว่า คนที่นอนไม่ดึก

โอ้โห... เห็นโทษของการนอนดึกแล้วอยากนอนเร็วขึ้นมาทันที แต่สำหรับบางคนที่มีเหตุจำเป็นต้องนอนดึก เช่น ทำงาน อ่านหนังสือสอบ อะไรเหล่านี้ ผมก็มีวิธีดูแลตัวเองสำหรับคนที่ต้องนอนดึกมาฝากกันครับ

- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะจะทำให้ร่างกายยิ่งโทรมหนักขึ้นไปอีก นึกถึงคนที่เที่ยวกลางคืนพวกนี้สุขภาพจะเสียเร็วมากเพราะว่านอนดึกแถมยังดื่มเหล้า เบียร์ อีกต่างหาก

- เมื่อตื่นนอนควรจะวอร์มร่างกายสักนิด ก่อนจะลุกไปอาบน้ำแปรงฟัน เพื่อเป็นการบอกให้ร่างกายเตรียมความพร้อม

- เมื่อรู้สึกตัวตื่นนอนไม่ควรจะนอนต่อ ให้ลุกขึ้นมาเลย ถ้าหากนอนต่อ เราอาจจะตื่นอีกทีตอนเที่ยง ทำให้ไม่ได้ทานอาหารมื้อเช้าอีก มือเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด ถ้าหากเราไม่ได้รับสารอาหารในมื้อเช้า ร่างกายก็จะนำของเสีย (อุจจาระของเรานั่นเอง) ไปเลี้ยงสมองแทน - -

ถ้าหากไม่จำเป็นเพื่อนๆไม่ควรที่จะนอนดึกนะครับ มีทริคนึงมาฝากสำหรับคนที่อยากนอนเร็วแต่ไม่ง่วง ให้ทำตามนี้นะครับ พอดึกแล้วให้เราปิดพวกโซเชียลทุกชนิด ปิดไฟให้หมด เพื่อให้ร่างกายปรับตัวกับสภาพแวดล้อม อาจจะฟังเพลงเบาๆช้าๆ ทำให้เคลิ้ม ง่วงได้

          สำหรับบทความสุขภาพบทนี้ ก็จบลงเพียงเท่านี้ เชิญติดตามกันในบทหน้าได้นะครับ จะเอาเกร็ดความรู้ใหม่ๆมาฝากกันอีก