ขอบตาดำ ขอบตาคล้ำ เหมือนหมีแพนด้า แก้ได้ด้วยวิธีธรรมชาติ



          ใครที่มีปัญหาขอบตำดำ คล้ำเหมือนหมีแพนด้า ก็คงจะทุกข์ใจอยู่ไม่น้อย เพราะการที่มีขอบตาดำจะทำให้หน้าเราดูโทรม ไม่สดชื่น ดังนั้นเรามาดูวิธี แก้กันเลยดีกว่าครับ

วิธีนี้เป็นการรักษาโดยธรรมชาติ  แค่เราไปหาซื้อแตงกวา มันฝรั่ง หรือลูกแพร์ เอามาล้างให้สะอาด และฝานออกเป็นชิ้นบางๆ จากนั้นก็เอามาพอกหรือวางทิ้งไว้ที่ตา โดยใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที ในผลไม้พวกนี้จะมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินซี ซึ่งจะช่วยให้สีดำคล้ำที่ขอบตาเราลดลงได้ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดบริเวณขอบตาให้ดีมากขึ้น ซึ่งมีผลทำให้ความคล้ำที่ขอบตาของเราดูจางลงได้ ทำต่อเนื่องทุกเย็นรับรองว่าอาการขอบตาคล้ำของเราดีขึ้นอย่างแน่นอน

ส่วนเหตุผลที่ขอบตำคล้ำ ก็คือนอนดึก ทานอาหารไม่เพียงพอครับ เพราะฉะนั้นใครไม่อยากมีถุงกาแฟใต้ตาก็เลิกนอนดึกเถอะครับ อาจจะค่อยไปปรับตัวไปทีละนิด โดยการนอนให้เร็วกว่าเมื่อวานสัก 1 ชั่วโมงก็ได้ครับ

การกินน้ำมะเขือเทศ ช่วยป้องกันแสงแดดได้จริงหรือ ?





          ในปัจจุบันประเทศไทยของเรา มีอากาศที่เรียกได้ว่าร้อนมากๆ บ่อนทำลายผิวพรรณอันสวยๆของเรา ให้ต้องหมองคล้ำเสียไป แต่หลายๆคนก็มีครีมกันแดดป้องกันอยู่แล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าการกิน ก็ช่วยให้ผิวต้านทานแดดได้ดีขึ้น ไม่คล้ำเสียง่ายๆ อีกด้วย

การกินน้ำมะเขือเทศ จะช่วยให้ผิวต้านทานแดดได้ดีจริงหรือ ?

          ขอบอกว่า "จริง"  เพราะว่า  มะเขือเทศมีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่นสดใส ไม่แห้งกร้าน มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วรัยแห่งวัย มีการศึกษาพบว่าการรับประทานซอสมะเขือเทศวันละ 48 - 55 กรัม หรือประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ หรือรับประทานน้ำมะเขือเทศวันละ 250 ซีซี ต่อเนื่องกันอย่างน้อย 10 สัปดาห์ขึ้นไป จะช่วยเพิ่มปริมาณสารแคโรทีนอยด์ในผิวหนัง และอาการแดงของผิวหนังหลังจากโดนแสงแดดจะน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่รับประทานซอสมะเขือเทศถึง 33% นอกจากนี้ยังพบว่า กลุ่มที่รับประทานมะเขือเทศ แสงแดดจะทำลายโมเลกุลของ DNA ในผิวหนังน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับประทาน และมีการสร้าง procollagen มากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับประทาน

เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็หมั่นทานมะเขือเทศบ่อยๆเพื่อให้ผิวดูกระจ่างแล้ว ยังช่วยให้ออกแดดแล้วผิวไม่คล้ำเสียง่ายๆ

รักษาสิว รอยสิว รอยดำ ได้ง่ายๆ ด้วยวิธีธรรมชาติ โดยใช้น้ำมะนาว



          ใครที่มีปัญหาสิว จุดด่างดำ หรือรอยสิว และต้องการที่จะรักษาด้วยวิธีตามธรรมชาติแล้วล่ะก็ ลองรักษาด้วยน้ำมะนาวดู โดยมีวิธีการดังนี้

วิธีปฏิบัติ

1. ล้างหน้าให้สะอาด และเช็ดให้แห้ง
2. บีบน้ำมะนาว 1 ช้อนชาลงในถ้วย ใช้สำลีจุ่มน้ำมะนาวพอเปียก อาจผสมน้ำหากรู้สึกว่าแสบเกินไป 
3. ป้ายน้ำมะนาวลงบนสิว สิวหัวขาว สิวหัวดำ สิวหัวหนอง
4. ทิ้งไว้ทั้งคืนโดยไม่ต้องล้างออก ล้างออกตอนเช้า และทาอีกครั้งก่อนเมคอัพ (หากคุณต้องใช้เมคอัพ)
5. หากรู้สึกว่าน้ำมะนาวนั้นแรงเกินไป แม้ว่าจะผสมน้ำให้เจือจางแล้วก็ตาม ให้ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น

เพราะว่า ในลูกมะนาวจะมีกรดผล ไม้ AHA  (Alpha Hydroxy Acids)  ซึ่งทำงานโดยการลอกเอาเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก และช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้แก่ผิว และช่วยให้เซลล์ผิวใหม่ที่อยู่ด้านล่างผลัดขึ้นมาแทนที่เซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว ยังช่วยชำระรูขุมขนและช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่นสดใสด้วย

หากทำทุกวันประมาณ 2 อาทิตย์ก็จะเห็นว่าหน้าเราใส กระจ่างขึ้น รอยต่างๆก็จางไปด้วย

ทำอย่างไรไม่ให้หน้าแก่ก่อนวัย



          ใครๆก็อยากมีหน้าที่อ่อนกว่าวัย ไม่มีใครหรอกที่อยากจะหน้าแก่จริงมั๊๋ย ? เพราะฉะนั้นมาดูกันเลยดีกว่าว่าทำไงหน้าถึงจะดูอ่อนเยาว์ไม่แก่เกินไว

ข้อห้ามที่ห้ามทำเด็ดขาด ถ้าไม่อยากหน้าแก่คือ

1.ห้ามนอนดึก การนอนดึกส่งผลเสียต่อผิวเป็นอย่างมาก จะทำให้ผิวไม่แข็งแรงและแก่เร็ว

2.ห้ามทานสิ่งเหล่านี้ เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ ชา

3.ห้ามสูบบุหรี่

4.ห้ามเครียด ความเครียดนั้นส่งผลต่อการทำงานทุกอย่างของร่างกายอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ควรเครียด ยิ้มเข้าไว้

5.ไม่นอนตะแคง ถ้านอนตะแคง หน้าเราจะทับกับที่นอน อาจทำให้เกิดรอยต่างๆได้

และต่อไปคือข้อที่ควรทำนะจ๊ะ

1.ดื่มน้ำเยอะๆ ผิวจะดูไม่แก่กว่าวัย ถ้ามีน้ำคอยเลี้ยงอยู่เพียงพอ

2.ออกกำลังกาย ช่วยให้ผิวเด้ง ดูเฟิร์ม สวย เพราะการออกกำลังจะช่วยละลายไขมัน และสร้างความกระชับและยืดหยุ่นให้ผิว

3.หัวเราะบ่อยๆ การหัวเราะจะทำให้เราอารมณ์ดี และไม่เครียด ทำให้ดูสดชื่น สดใส


          หากเพื่อนๆ ละเว้นข้อความและปฏิบัติตาม นอกจากผิวหน้าของเพื่อนๆจะไม่เหี่ยวย่นก่อนวัยแล้ว อาจจะทำให้ดูเด็กกว่าวัยอีกด้วย

อุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟอันตรายหรือไม่ ?





















          ในคลื่นไมโครเวฟจะมีความถี่คลื่นสองพันล้านรอบต่อวินาที เมื่อคลื่นพุ่งไปกระทบกับอาหารจะถ่ายทอดพลังงานของมันให้โมเลกุลของน้ำทั้งในและนอกอาหารเกิดการสั่นสะเทือนเสียดสีเกิดเป็นความร้อน ทำให้อาหารที่เราใส่เข้าไปสุกอย่างรวดเร็ว เมื่อคลื่นไมโครเวฟมอบพลังงานให้โมเลกุลของน้ำหมดแล้ว จะไม่มีการตกค้างหรือปะปนในอาหาร ฉะนั้น อาหารที่ทำให้สุกจากคลื่นไมโครเวฟ จึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์

หลักการใช้ไมโครเวฟให้ปลอดภัยมีง่ายๆดังนี้

- ควรเลือกภาชนะใส่อาหารที่ทนความร้อนได้ดี เช่น ชามกระเบื้อง พลาสติก

-ไม่ใช้ภาชนะโลหะทุกชนิด หรือภาชนะที่เป็นกระเบื้องขอบเงินขอบทอง เพราะคลื่นจะไม่สามารถจะพุ่งผ่านไปได้  อาหารอาจจะไม่สุก

- ตั้งอุณหภูมิและเวลาให้เหมาะสม

- การอุ่นโดยใส่ภาชนะที่มีฝาปิด ควรแง้มฝาออกเล็กน้อย หรือไปหาซื้อภาชนะสำหรับอุ่นด้วยไมโครเวฟ จะมีรูปเล็กๆเจาะมาให้ที่ฝาอยู่แล้ว

หักยาหรือแบ่งยาก่อนกิน ส่งผลอะไรหรือไม่ ? มีคำตอบ



          เวลาเรารับประทานยาที่เป็นเม็ด หรือพวกวิตามินอาหารเสริมต่างๆที่นิสัยผลิตมาในรูปแบบของเม็ด บางตัวยานั้นมีขนาดใหญ่เกินไป เราเลยจำเป็นต้องหักแบ่งครึ่ง หรือหั่นเพื่อให้มันมีขนาดเล็กลง ง่ายต่อการกิน เพราะว่าหลายคนคงไม่ค่อยถูกกับยาสักเท่าไหร่ ยิ่งมีขนาดใหญ่ก็ยิ่งทำให้เราไม่อยากที่จะกินยิ่งขึ้น

แต่ว่าการหักแบ่งยาหรือหั่นยาก่อนกินนั้น มีผลเสียตามมาคือ

          เมื่อเราหักยาแบ่งครึ่ง ยาจะเกิดมุมแหลมอาจจะไปบาดหลอดอาหาร หรือกระเพาะอาหารของเราได้ และยาบางชนิดจะสัมผัสกับอากาศไม่ได้ จึงมีการใส่สารเครือบยาเอาไว้ เพื่อให้ยาไม่สัมผัสกับอากาศ การที่เราหักยานั้น จะทำให้เครือบที่ทำหน้าที่เครือบยาเสียหาย ทำให้ตัวยาสัมผัสถูกอากาศ เป็นผลให้ยาไม่ออกฤิทธิ์ หรือ ออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

          ดังนั้น ควรที่จะกินยาให้หมดไปเลยทีเดียว เพราะการแบ่งยากินเพื่อรักษาโรคนั้น เราจะได้รับยาในปริมาณที่น้อยกว่ากำหนด ยาก็ไม่สามารถที่จะฆ่าเชื้อโรคได้ เป็นเหตุให้เชื้อโรคเกิดดื้อยา

กระดาษทิชชู่สีชมพู สวยแต่รูป จูบไม่หอม



          กระดาษชำระ หรือทิชชู่  ที่ดูสะอาดตา เพราะความเป็นสีขาวของตัวมัน ทำให้เราหลงเชื่อว่าสะอาดและไม่มีเชื้อโรค กระดาษทิชชู่ส่วนมากที่ราคาถูกผลิตจากโรงงานที่ผ่านการฆ่าเชื้อไม่ดีพอ อาจจะเป็นแหล่งหมักหมมของเชื้อโรคได้ ดังนั้นเราไม่ควรที่จะนำกระดาษทิชชู่มาเช็ดภาชนะที่เราใช้รับประทานอาหาร เพราะเชื้อโรคอาจจะเข้าไปในร่างกาย ทำให้เราเกิดป่วยขึ้นมาได้

โดยเฉพาะกระดาษทิชชู่ที่มีสีสันสวยงามเป็นสีชมพูที่เราเห็นกันตามร้านอาหาร ดูน่ารัก น่าใช้นั้น รู้หรือไม่ว่ามันทำมาจากอะไร ?

          กระดาษทิชชู่สีชมพูนี้ป็นกระดาษทิชชู่ที่มีเกรดต่ำ ราคาถูก ทำมาจาก กระดาษA4 ที่ใช้แล้ว มีรอยหมึกผสมอยู่ มาทำลายรวมๆกัน จากนั้นก็นำไปต้มให้หมึกออก เมื่อผ่านกระบวนการนี้แล้วทิชชู่จะยังไม่เป็นสีชมพู จะเป็นทิชชู่ทั่วไปแต่เป็นทิชชู่เกรดต่ำมาก เพราะเป็นกระดาษมือสอง เอาไปขายก็ได้ไม่ได้ราคา จึงนำไปย้อมให้เป็นสีชมพูก่อนเพื่อไปส่งตามร้านอาหาร ให้ดูน่าใช้ และในสีที่ใช้ย้อมกระดาษทิชชู่นี้ก็มีสารตะกั่วผสมอยู่ เป็นอันตรายต่อร่างกายอีกด้วย

เพราะฉะนั้นพฤติกรรมที่เอาทิชชู่เช็ดช้อน เช็ดจาน ตามร้านอาหารนั้นไม่ควรทำ เพราะอาจจะได้รับเชื้อโรคและสารตะกั่วจากทิชชู่ได้